top of page
ค้นหา
ANGA Analytics

รวม 8 ข้อต้องรู้ ก่อนคิดติดตั้งโซล่าเซลล์เพื่อประหยัดค่าไฟ

อัปเดตเมื่อ 25 ต.ค.

ในยุคที่ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนเริ่มหันมาสนใจการติดตั้งโซล่าเซลล์เพื่อประหยัดค่าไฟและใช้พลังงานสะอาด แต่ก่อนจะตัดสินใจติดโซล่าเซลล์ มีหลายสิ่งที่ควรรู้และพิจารณาให้ดี บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 8 ข้อควรรู้ก่อนติดตั้งโซล่าเซลล์ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่าที่สุด


1. ระบบโซล่าเซลล์คืออะไร?


ระบบโซล่าเซลล์คืออะไร?


ระบบโซล่าเซลล์ หรือที่เรียกอีกชื่อว่าระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อเปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก (Photoelectric Effect) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่วัสดุกึ่งตัวนำบางชนิดสามารถเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง


การติดตั้งโซล่าเซลล์จึงเป็นการนำเอาแผงเซลล์แสงอาทิตย์มาติดตั้งบนหลังคาบ้านหรือพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดเพียงพอ เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในบ้านหรืออาคาร ช่วยลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากการไฟฟ้า และประหยัดค่าไฟในระยะยาว


2. หลักการทำงานของระบบโซล่าเซลล์


หลักการทำงานของโซล่าเซลล์

การติดตั้งระบบโซล่าเซลล์มีหลักการทำงานที่ไม่ซับซ้อน โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

  • แผงโซล่าเซลล์รับพลังงานแสงอาทิตย์และเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC)

  • ไฟฟ้ากระแสตรงถูกส่งไปยังอินเวอร์เตอร์ (Inverter) เพื่อแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC)

  • ไฟฟ้ากระแสสลับถูกส่งไปยังแผงควบคุมไฟฟ้าในบ้านเพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ

  • หากผลิตไฟฟ้าได้มากเกินความต้องการ ส่วนเกินจะถูกส่งคืนเข้าระบบของการไฟฟ้า (กรณีระบบออนกริด)

การติดตั้ง Solar Cell จึงเป็นวิธีที่ช่วยให้เราสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ในช่วงเวลากลางวัน ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากการไฟฟ้า และประหยัดค่าไฟในระยะยาว


3. ระบบแผงโซล่าเซลล์มีกี่ประเภท


แผงโซล่าเซลล์มีกี่ประเภท

การเลือกระบบโซล่าเซลล์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความต้องการใช้ไฟฟ้า งบประมาณ สภาพภูมิประเทศ และความเสถียรของระบบไฟฟ้าในพื้นที่ การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณสามารถเลือกระบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการของคุณได้ 


โดยการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามลักษณะการเชื่อมต่อและการใช้งาน แต่ละระบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ดังนี้

ระบบออนกริด (On-Grid System)

ระบบออนกริดเป็นระบบที่เชื่อมต่อกับระบบจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าโดยตรง ทำให้สามารถใช้ไฟฟ้าจากทั้งแผงโซล่าเซลล์และการไฟฟ้าได้ ระบบนี้มีข้อดีและข้อจำกัดดังนี้


ข้อดี:

  • ไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษา

  • สามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินคืนให้กับการไฟฟ้าได้ (ในบางประเทศ)

  • เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ในช่วงกลางวัน

  • มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งต่ำกว่าระบบอื่น ๆ

ข้อจำกัด:

  • ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าดับ

  • ไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีไฟฟ้าดับบ่อย

  • ต้องมีการขออนุญาตติดตั้งโซล่าเซลล์จากการไฟฟ้า


ระบบนี้เหมาะสำหรับบ้านเรือนทั่วไปที่มีไฟฟ้าใช้อยู่แล้ว และต้องการลดค่าไฟฟ้าในระยะยาว

ระบบออฟกริด (Off-Grid System)

ระบบออฟกริดเป็นระบบที่ไม่เชื่อมต่อกับระบบจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้า แต่ใช้แบตเตอรี่ในการเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ ระบบนี้มีข้อดีและข้อจำกัดดังนี้


ข้อดี:

  • สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง

  • เป็นอิสระจากระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้า

  • สามารถใช้ไฟฟ้าได้แม้ในยามที่ไม่มีแสงอาทิตย์ (เช่น ตอนกลางคืน) โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่

ข้อจำกัด:

  • มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าระบบออนกริด เนื่องจากต้องติดตั้งแบตเตอรี่และอุปกรณ์เพิ่มเติม

  • แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานจำกัดและต้องเปลี่ยนเป็นระยะ

  • ต้องคำนวณขนาดระบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้มีไฟฟ้าเพียงพอตลอดทั้งปี


ระบบนี้เหมาะสำหรับบ้านพักตากอากาศ หรือพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง


ระบบไฮบริด (Hybrid)


ระบบไฮบริดเป็นการผสมผสานระหว่างระบบออนกริดและออฟกริด โดยมีทั้งการเชื่อมต่อกับระบบจำหน่ายไฟฟ้าและมีแบตเตอรี่สำรองไฟ ระบบนี้มีข้อดีและข้อจำกัดดังนี้


ข้อดี:

  • มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง สามารถใช้ไฟฟ้าได้ทั้งจากแผงโซล่าเซลล์ แบตเตอรี่ และการไฟฟ้า

  • สามารถสำรองไฟไว้ใช้ยามฉุกเฉินได้

  • ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากการไฟฟ้าได้มากที่สุด

  • เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีไฟฟ้าดับบ่อย

ข้อจำกัด:

  • มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับสองระบบแรก

  • ระบบมีความซับซ้อนมากกว่า อาจต้องการการดูแลรักษาที่มากขึ้น

  • อาจไม่คุ้มค่าสำหรับพื้นที่ที่มีไฟฟ้าเสถียรอยู่แล้ว


ระบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางพลังงานสูง หรือพื้นที่ที่มีไฟฟ้าดับบ่อย


4. ประเภทของแผงโซล่าเซลล์ที่นิยมใช้ในการติดตั้งโซล่าเซลล์


ประเภทของแผงโซล่าเซลล์

การเลือกประเภทของแผงโซล่าเซลล์ที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ แผงโซล่าเซลล์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันมี 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้


โมโนคริสตัลไลน์ (Mono Crystalline Solar Cell)

โมโนคริสตัลไลน์ (Mono Crystalline Solar Cell) เป็นแผงโซล่าเซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าได้ถึง 20-22% ทำให้ใช้พื้นที่น้อยกว่าประเภทอื่น เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่หลังคาจำกัด นอกจากนี้ยังทนทานต่อความร้อนและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 25 ปี อย่างไรก็ตาม แผงประเภทนี้มีราคาสูงกว่าประเภทอื่นประมาณ 10-15% จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและมีงบประมาณเพียงพอ


  • ประสิทธิภาพสูงสุด: สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าได้ 20-22%

  • ใช้พื้นที่น้อย: เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่หลังคาจำกัด

  • ทนทานต่อความร้อน: ประสิทธิภาพลดลงน้อยเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น

  • อายุการใช้งานยาวนาน: มากกว่า 25 ปี

  • ราคาสูง: แพงกว่าประเภทอื่นประมาณ 10-15%


พอลิคริสตัลไลน์ (Poly Crystalline Solar Cell)

พอลิคริสตัลไลน์ (Poly Crystalline Solar Cell) เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเนื่องจากมีความคุ้มค่าสูง แม้จะมีประสิทธิภาพปานกลาง โดยสามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าได้ 15-17% แต่มีราคาถูกกว่าแบบโมโนคริสตัลไลน์ประมาณ 10-15% แผงประเภทนี้ทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อน มีอายุการใช้งานประมาณ 20-25 ปี แต่ต้องใช้พื้นที่มากกว่าแบบโมโนคริสตัลไลน์เพื่อให้ได้กำลังการผลิตเท่ากัน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่าและมีพื้นที่หลังคาเพียงพอ


  • ประสิทธิภาพปานกลาง: สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าได้ 15-17%

  • ราคาถูกกว่า: มีราคาถูกกว่าแบบโมโนคริสตัลไลน์ประมาณ 10-15%

  • เหมาะกับพื้นที่อุณหภูมิสูง: ทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อน

  • อายุการใช้งาน: ประมาณ 20-25 ปี

  • ใช้พื้นที่มากกว่า: ต้องใช้พื้นที่มากกว่าแบบโมโนคริสตัลไลน์เพื่อให้ได้กำลังการผลิตเท่ากัน


อะมอร์ฟัสโซล่าเซลล์ (Amorphous Solar Cell)

อะมอร์ฟัสโซล่าเซลล์ (Amorphous Solar Cell) หรือโซล่าเซลล์แบบฟิล์มบาง เป็นแผงที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถติดตั้งบนพื้นผิวโค้งหรือไม่เรียบได้ และทำงานได้ดีในสภาพแสงน้อย เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีเมฆมากหรือแสงแดดไม่จัด อย่างไรก็ตาม แผงประเภทนี้มีประสิทธิภาพต่ำที่สุด โดยสามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าได้เพียง 6-8% และมีอายุการใช้งานสั้นกว่าสองประเภทแรก คือประมาณ 10-15 ปี แต่ก็มีราคาถูกที่สุด จึงเหมาะสำหรับการใช้งานเฉพาะทาง เช่น อุปกรณ์พกพา หรือพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านน้ำหนัก


  • ประสิทธิภาพต่ำ: สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าได้เพียง 6-8%

  • ราคาถูกที่สุด: มีราคาถูกกว่าสองแบบแรกมาก

  • ยืดหยุ่นสูง: สามารถติดตั้งบนพื้นผิวโค้งหรือไม่เรียบได้

  • ทำงานได้ดีในสภาพแสงน้อย: เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีเมฆมากหรือแสงแดดไม่จัด

  • อายุการใช้งานสั้น: ประมาณ 10-15 ปี

  • ใช้พื้นที่มากที่สุด: ต้องใช้พื้นที่มากกว่าสองแบบแรกเพื่อให้ได้กำลังการผลิตเท่ากัน


5. การติดโซล่าเซลล์ใช้งบประมาณเท่าไหร่? กี่ปีคืนทุน?


การติดโซล่าเซลล์ใช้งบประมาณเท่าไหร่

การติดตั้ง Solar Cell เป็นการลงทุนระยะยาวที่มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นค่อนข้างสูง แต่สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาว ซึ่งงบประมาณในการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์จะแตกต่างกันไปตามขนาดของระบบและประเภทของอุปกรณ์ที่เลือกใช้ โดยทั่วไปแล้ว สามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ดังนี้:


  • ระบบขนาดเล็ก (1-3 กิโลวัตต์): เหมาะสำหรับบ้านขนาดเล็กหรือครอบครัวที่ใช้ไฟน้อย มีราคาประมาณ 100,000 - 200,000 บาท

  • ระบบขนาดกลาง (3-5 กิโลวัตต์): เหมาะสำหรับบ้านทั่วไปหรือครอบครัวขนาดกลาง มีราคาประมาณ 200,000 - 350,000 บาท

  • ระบบขนาดใหญ่ (5-10 กิโลวัตต์): เหมาะสำหรับบ้านขนาดใหญ่หรือธุรกิจขนาดเล็ก มีราคาประมาณ 350,000 - 700,000 บาท


ในส่วนของระยะเวลาคืนทุนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-10 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนทุนแล้ว คุณจะสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมากในระยะยาว เนื่องจากแผงโซล่าเซลล์มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 25-30 ปี


6. รูปทรงหลังคาบ้านที่เหมาะกับการติดตั้งโซล่าเซลล์


รูปทรงหลังคาบ้านเหมาะกับการติดตั้งโซล่าเซลล์

รูปทรงหลังคาบ้านเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความเหมาะสมในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ รูปทรงหลังคาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ ได้แก่


  • หลังคาเอียง: เป็นรูปทรงที่เหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะหลังคาที่เอียงทำมุม 15-30 องศากับแนวระนาบ ซึ่งเป็นมุมที่เหมาะสมสำหรับการรับแสงอาทิตย์ในประเทศไทย

  • หลังคาแบน: สามารถติดตั้งได้ แต่อาจต้องใช้โครงยึดเพิ่มเติมเพื่อให้แผงโซล่าเซลล์เอียงทำมุมที่เหมาะสม

  • หลังคาจั่ว: เหมาะสมหากด้านหนึ่งของจั่วหันไปทางทิศใต้หรือทิศตะวันตก

  • หลังคาปั้นหยา: สามารถติดตั้งได้ แต่อาจมีพื้นที่จำกัดกว่าหลังคาแบบอื่น


สำหรับหลังคาที่มีรูปทรงซับซ้อน เช่น หลังคาทรงไทย หรือหลังคาที่มีหลายระดับ อาจทำให้การติดตั้งโซล่าเซลล์ทำได้ยากขึ้นและอาจต้องใช้พื้นที่หลายส่วนในการติดตั้ง ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ นอกจากรูปทรงแล้ว ยังต้องคำนึงถึงพื้นที่ว่างบนหลังคาที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง เช่น ปล่องไฟ หรือเสาอากาศ ที่อาจบังแสงหรือทำให้เกิดเงาบนแผงโซล่าเซลล์ได้


7. ทิศที่เหมาะกับการติดโซล่าเซลล์


ทิศที่เหมาะกับการติดโซล่าเซลล์

การเลือกทิศทางที่เหมาะสมสำหรับการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์มีความสำคัญอย่างมากต่อประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ในประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือ ทิศที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการติดตั้งโซล่าเซลล์ เรียงตามลำดับความเหมาะสม ได้แก่


  • ทิศใต้: เป็นทิศที่ได้รับแสงแดดมากที่สุดตลอดทั้งปี เหมาะสมที่สุดสำหรับการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์

  • ทิศตะวันตก: ได้รับแสงแดดในช่วงบ่ายถึงเย็น เหมาะสำหรับบ้านที่ใช้ไฟฟ้ามากในช่วงบ่ายถึงเย็น

  • ทิศตะวันออก: ได้รับแสงแดดในช่วงเช้าถึงเที่ยง เหมาะสำหรับบ้านที่ใช้ไฟฟ้ามากในช่วงเช้า

  • ทิศเหนือ: เป็นทิศที่ได้รับแสงแดดน้อยที่สุด ไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ แต่หากจำเป็นต้องติดตั้งทางทิศเหนือ ควรเพิ่มมุมเอียงของแผงให้มากขึ้นเพื่อรับแสงได้มากที่สุด


นอกจากทิศทางแล้ว มุมเอียงของแผงโซล่าเซลล์ก็มีความสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว มุมเอียงที่เหมาะสมสำหรับ

ประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 15-20 องศาจากแนวระนาบ ซึ่งจะช่วยให้แผงรับแสงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งการเลือกทิศทางและมุมเอียงที่เหมาะสมจะช่วยให้ระบบโซล่าเซลล์ของคุณผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากขึ้นและคืนทุนได้เร็วขึ้น


8. ความแข็งแรงของหลังคาบ้านที่เหมาะกับการติด Solar Cell


ความแข็งแรงของหลังคาที่เหมาะกับการติดโซล่าเซลล์

ก่อนการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือความแข็งแรงของหลังคาบ้าน เนื่องจากแผงโซล่าเซลล์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมีน้ำหนักมาก การติดตั้งบนหลังคาที่ไม่แข็งแรงพออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างบ้านได้ ดังนั้น ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้


  • น้ำหนักที่หลังคารับได้: โดยทั่วไป หลังคาบ้านควรสามารถรับน้ำหนักเพิ่มได้อย่างน้อย 10-15 กิโลกรัมต่อตารางเมตร สำหรับการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์

  • อายุและสภาพของหลังคา: หลังคาที่มีอายุมากหรือมีการชำรุดอาจไม่เหมาะสมสำหรับการติดตั้งโซล่าเซลล์ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนหลังคาก่อนการติดตั้ง

  • วัสดุของหลังคา: วัสดุหลังคาบางประเภท เช่น กระเบื้องคอนกรีต หรือเมทัลชีท มักจะแข็งแรงพอสำหรับการติดตั้งโซล่าเซลล์ แต่หลังคาที่ทำจากวัสดุเบา เช่น กระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ อาจต้องเสริมความแข็งแรงเพิ่มเติม

  • โครงสร้างรองรับ: นอกจากตัวหลังคาแล้ว โครงสร้างที่รองรับหลังคา เช่น จันทัน แป และอกไก่ ก็ต้องมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนักเพิ่มเติมได้

  • การกระจายน้ำหนัก: ระบบยึดแผงโซล่าเซลล์ควรออกแบบให้กระจายน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอบนหลังคา เพื่อป้องกันการกดทับจุดใดจุดหนึ่งมากเกินไป


ก่อนการติดตั้งโซล่าเซลล์ ควรให้ผู้เชี่ยวชาญหรือวิศวกรโครงสร้างตรวจสอบความแข็งแรงของหลังคาและโครงสร้างบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านของคุณพร้อมสำหรับการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ หากพบว่าโครงสร้างไม่แข็งแรงพอ อาจจำเป็นต้องเสริมความแข็งแรงก่อนการติดตั้ง ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่าย แต่จะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต


สรุปบทความ


 การติดตั้ง solar cell

การติดตั้งโซล่าเซลล์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าไฟและใช้พลังงานสะอาด แต่ก่อนตัดสินใจติดตั้ง มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา ตั้งแต่ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับระบบโซล่าเซลล์ ประเภทของระบบและแผงที่เหมาะสมกับความต้องการ งบประมาณและระยะเวลาคืนทุน ไปจนถึงปัจจัยทางกายภาพของบ้าน เช่น รูปทรงหลังคา ทิศทาง และความแข็งแรงของโครงสร้าง


การติดตั้ง Solar Cell ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการวางแผนที่ดีและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ระบบที่เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่ติดตั้งมากที่สุด ซึ่ง GREENERGY ก็เป็นหนึ่งในเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนา ออกแบบ ก่อสร้าง บำรุงรักษา และรับติดตั้งโซล่าเซลล์แบบครบวงจร อีกทั้งยังมีประสบการณ์และโครงการที่ประสบความสำเร็จมากมาย ทำให้คุณสามารถวางใจในการติดตั้งโซล่าเซลล์อย่างปลอดภัยกับเราได้อย่างแน่นอน โดยคุณสามารถสอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทางดังนี้

ดู 99 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page